หลังจากที่ผมได้ไปเที่ยวสวนสัตว์เปิดเมืองหนาวอาซาฮิยาม่า ที่เมืองอาซาฮิกาว่ามา
ช่วงบ่ายประมาณ 4 โมงเย็นผมเดินทางโดยรถไฟ JR Hokkaido express มาสู่
จุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ั นั้นคือ เมืองอะบาชิริ เมืองแห่งทะเลน้ำแข็งโอคอสต์
ที่มีชื่อเสียงในเรื่อง การนั่งเรือไปชมแผ่นน้ำแข็งบนทะเล และธรรมชาติที่สวยงามในช่วง
ฤดูหนาวที่อุทยานแห่งชาติ ชิเรโตโกะ อุทยานแห่งชาติที่สมบูรณ์ที่สุดอีกแห่งในประเทศญี่ปุ่น
มารอบนี้ผมคงไม่มีเงินมากพอไปนั่งเรือชมทะเลน้ำแข็งครับ เนื่องจากราคาแพงมาก
ยังไงก็มีบัตร JR pass อยู่ พอดีได้โปรแกรมนั่งรถไฟขบวนพิเศษชือว่า Ryuhyo Norokko
ว่ามารถนั่งชมวิวทะเลน้ำแข็งได้เช่นกันครับ โดยรถไฟจะไปสุดปลายทางที่สถานีชิเรโตโกะชาริเลยครับ
ผมเลยขอจัดเต็มนั่งรถไฟนี้ขบวนนี้แทนครับ เดี่ยวยังไงเพื่อนลองติดตามชมกันครับ รูปภาพไม่สวยต้องขออภัยด้วยครับ
พยายามเต็มที่แล้ว
วันที่ 14 ก.พ.2557 (ตรงกับวันมาฆบูชา และวาเลนไทน์พอดีเลย)
ในที่สุดก็ถึงแล้วครับ เมืองอะบาชิริ สุดจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้แล้วครับ
เช้าวันนี้ ผมตื่นแต่เช้าตรู่ เพราะแดดส่องทะลุผ้าม่าน ทำให้รู้สึกตื่นทันที
ท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ เนื่องจากอยากสัมผัสอากาศข้างนอก ผมเลยขอเปิดหน้าต่างดีกว่า พอเปิดเท่านั้นแหละครับ
แทบช๊อคเลย อากาศหนาวมากๆครับ โอ้ยสุดยอดแห่งความหนาว
ที่พักที่ผมนอนเมื่อคืนนี้ เป็นที่พักใกล้สถานีรถไฟ ราคาแพงนิดหน่อยสำหรับ คนงบน้อยอย่างผม จะหาถูกต่ำกว่า 1000 ก็ไกลสถานีรถไฟมาก
เลยหาใกล้ๆ ราคาไม่แพงเกินไปครับ
****************************************************************************************************
เปิดหน้าต่างออกมา อากาศหนาวจริงๆครับ แต่ตอนจะปิด ปิดไม่ลงครับ เพราะน้ำแข็งมันเกาะตรงขอบหน้าประตูหน้าต่าง
ต้องเอาน้ำร้อนมารอดถึงจะปิดได้ 55++
อะบาชิริ (Abashiri) เมืองแห่งฤดูหนาวตั้งอยู่ทางตะวันออกของฮอกไกโด
สภาพอากาศในอะบาชิริค่อนข้างที่จะหนาวจัดจนแห้งแล้ง
ในอดีตเคยเป็นที่คุมขังนักโทษในสมันเมจิ
เนื่องจากว่าเป็นที่แห้งแล้วและกันดาร พร้อมสถาพอากาศที่หนาวเย็นมากๆ
ช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวในอะบาชิริจึงอยู่ในใบไม้ผลิที่อากาศไม่หนาวจน
เกินไป ส่วนในช่วงฤดูหนาวจะมีก้อนน้ำแข็งที่เรียกว่า “ดริฟท์ไอซ์” (Drift
Ice) ลอยมารวมกันกลางทะเลโอค็อตสก์บริเวณนอกชายฝั่งอะบาชิริ
ออกจากที่พักมา ฝากกระเป๋าไว้แล้ว ต้องทานอาหารเช้าก่อนครับ
มิ้อเช้านี้ผมเลือกทานอาหารแบบประหยัดหน่อยครับ เอาแบบไม่เกินงบ
เพราะต้องเดินทางอีกไกล และคงไม่พ้นร้านเดิมอีกแล้ว นั้นคือ ร้านสะดวกซื้อ ลอร์สัน
โรงแรมที่พัก เมื่อคืนนี้ เป็นห้องพักนอนคนเดียว ถือว่าโอเคเลยครับ สำหรับผม แต่อ่านในรีวิวแค่พอใช้ได้
แต่สำหรับผมดีเลยแหละ
ตื่นขึ้นมาทำภาระกิจให้เสร็จ ก่อนจะเช็คเอาท์จากที่พัก ฝากกระเป๋าไว้ก่อน
ช่วงบ่ายกลับมาเอา และไปหาอะไรทาน เตรียมตัวเดินทางไปนั่งรถไฟ ริวโย โนร็อคโก
แต่ด้วยวันนั้นผมตื่นเช้า แต่ขบวนรถไฟนี้เริ่ม 10 โมงเช้า มีเวลาเหลืออยู่เลย แวะหาอะไรทาน
และเดินชมเมืองอะบาชิริไปก่อนครับ
** ขอเกริ่นนำเรื่องรายละเอียดข้อมูลของรถไฟนี้ก่อนนะครับ*
รถไฟ Ryuhyo Norokko เป็นรถไฟขบวนพิเศษที่ให้วิ่งในเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้นนะครับ
โดยจะเริ่มวิ่งช่วงวันที่ 1 ก.พ.- 9 มี.ค.2557 ครับ ซึ่งเที่ยวรถไฟนี้มีแค่ 2 รอบนะครับ จากสถานีรถไฟอะบาชิริ คือ
- เวลา 10.25 น.
- เวลา 13.57 น.
รถไฟมี 2 ขบวนนี้เท่านั้น โดยรถไฟจะวิ่งไปสุดปลายทางที่ สถานีรถไฟ ชิเรโตโกะชาริ รวมระยะทาง 40 กิโลเมตรครับ
ไฮไลท์ ของการนั่งรถไฟนี้ คือได้เห็นวิวทะเลน้ำแข็๋งโอคอส์ต และสามารถแวะลงถ่ายรูปที่ สถานีรถไฟ คิตาฮาม่า
นอกจากนี้ หากมีเวลาสามารถไปชมทะเลสาบ โตฟูสึ ( Lake Tofutsu) เพื่อไปชมความงามของห่านที่นั้นครับ
ใครมีกล้อง Full frame หรือชอบถ่ายรูปอย่าพลาดนะครับ
เวลาเกือบ 10 โมง ได้เวลาแล้วครับ ผมเดินจากร้านสะดวกซื้อไปที่สถานีรถไฟ อะบาชิริ
เพื่อเตรียมนั่งรถไฟ โนร็อคโกโก ครับเป็นรถไฟดีเซล ขบวนพิเศษ น่ารักมาก มีเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้นครับ
อาหารเช้ามื้อนี้เป็นเกี๊ยวซ่า + ขนมปังที่หอบมาจากเมืองไทย ต้องทานรองท้องไว้ เพื่ออยู่ครับ
ได้เวลาขึ้นรถไฟแล้วครับ รถไฟที่วิ่งมานี้จะวิ่งมาจากสถานีชิเรโตโกะ-ชาริ รอบเช้าและจะมาถึงที่นี้
ตอนประมาณ 10 โมงพอดีครับ
รถไฟขบวนนี้ พิเศษตรงที่ มีที่นั่งหันเข้าทะเล
ทำให้ผู้โดยสารสามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างเต็มที่ครับ
ส่วนอีกด้านจะเป็นที่นั่งแบบธรรมดานะครับ
บนรถไฟนี้ มีอยู่ 5 โบกี้นะครับ โบกี้ที่ 1-3 เป็นโบกี้ แบบไม่ต้องจองนะครับ
ขึ้นบนรถไฟ สามารถนั่งได้เลย ส่วนโบกี้ที่ 4-5 เป็นตู้โบกี้ ที่ต้องจองครับ
สำหรับผมไปวันนั้น ได้นั่งแบบธรรมดาครับ เนื่องจากมัวแต่ลีลา ถ่ายรูป หัวรถไฟ อยู่ที่นั่งริมหน้าต่าง ที่หันหน้าไปทะล
ก็เต็มเสียแล้วครับ
เป็นวิวที่สวยงามมากๆครับ เคยเห็นแต่ในทีวี และนิตยสารท่องเที่ยวครับ ในที่สุดก็มาถึงและได้นั่งจนได้ครับ
ตอนแรกคิดว่ายังไง ต้องฝ่าพายุหิมะช่วงมรสุมไปและมาถึงเมืองนี้ ให้ได้ตามแผนที่วางไว้ แต่แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ
มาถึงแค่นี้ก็ดีใจแล้วครับ ถึงแม้งบจะบานปลายไปบ้างก็เถอะ
** เสียดายครับถ้าหากผมมีกล้อง Full frame หรือเลนส์ดีๆสักตัว คงถ่ายได้ดีกว่านี้ อันนี้มือสั่นไปหมดครับ
พิเศษสุดๆๆ...... หากนั่งรถไฟนี้แล้ว ต้องได้กลิ่นปลาหมึกย่างแน่ๆครับ
ที่รถไฟนี้ มีที่ปิ่งปลาหมึกย่างด้วยครับ โดยบนรถจะมีคนขายปลาหมึกแห้ง ไว้สำหรับลูกค้า
และนักท่องเที่ยวมาซื้อทาน ระหว่างนั่งรถไฟชมวิวทะเลไปครับ
ในที่สุดนั่งรถไฟมาประมาณ 57 นาที นิดเดียวก็ถึงครับ ตรงเวลาเป๊ะเลยครับ
ออกจากสถานีอะบาชิริ 10.25 - ถึงสถานีชิเรโตโกะ ชาริเวลา 11.22 น.
เมื่อลงจากรถผมไม่รีรอ ไปถ่ายรูปทะเลน้ำแข็งที่ เมืองชิเรโตโกะกันครับ
หากใครจะไปอุทยานแห่งชาติ ก็นั่งรถไฟมาลงสถานี นี้ได้ครับ
จะมีรถจากอุทยานมารับเป็นรอบๆไปครับ ใจจริงผมอยากไปอุทยานแห่งชาติมากครับ
แต่ด้วยเวลามีจำกัดครับ มาถึงปลายทางที่นี้ก็ดีใจสุดๆแล้วครับ
ผมนั่งพักตากอากาศอันหนาวเหน็บ มองเห็นห่าน นกอยู่บนทะเลน้ำแข็ง
โอคอส์ตไม่นาน ก็ได้เวลาเดินทางกลับแล้วครับ
รถไฟจะออกจากสถานีชิเรโตโกะ-ชาริ เวลา 11.57 น. - ถึงอะบาชิริเวลา 12.57 น.
เดินทาง 1 ชั่วโมงพอดีครับ แต่รอบกลับพิเศษสุดตรงที่ จะหยุดที่สถานีรถไฟ Kitahama
เพื่อให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวถ่ายรูปขบวนรถไฟน้องนกเพนกวิน กันครับ
รอบกลับรถไฟหยุดที่สถานี คิตาฮาม่า นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปวิวทะเลน้ำแข็ง
หรือรถไฟนี้ได้นะครับ
นั่งรถไฟไม่นานประมาณ 1ชั่วโมง
รถไฟก็มาจอดที่สถานีอะบาชิริครับ
จบไป 1 ทริปสำหรับการเดินทางสู่เมืองแห่งทะเลน้ำแข็งครับ
ตามเป้าหมาย ปักหมุดเดินทางญี่ปุ่น 10 วันที่ตั้งไว้
ท่ามกลางหิมะขาวโพลน แต่วันนี้โชคดีสุดๆ หิมะไม่ตกลงมา ท้องฟ้าแจ่มใส
ทำให้ได้เห็น ทะเลที่กลายเป็นแผ่นน้ำแข็งสีขาวตัดกับสีท้องฟ้าใส ดูสวยงามมากๆครับ
หากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนใหนมาญี่ปุ่น ช่วงฤดูหนาว อย่าพลาดนะครับ
มาถึงเมืองอะบาชิริ รอบประมาณเที่ยงๆ เกือบจะบ่ายโมงแล้วครับ
และแล้วฟ้าก็เริ่มครึ่งแล้วครับ โอ้แม่เจ้า มันจะมาอีกแล้ว เจ้าหิมะโปรยๆ
...ตกจนได้ครับ ผมเดินตากหิมะไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรมครับ เพื่อเตรียมเดินทางกลับ
ไปยังเมืองซับโปโร เพื่อเริ่มทริปต่อไปครับ
เมื่อ Check out ออกจากที่พักของโรงแรม
เวลาประมาณบ่ายโมง ครึ่งก็ได้เวลาเดินทางมาที่สถานีรถไฟอะบาชิริ
เพื่อเดินทางกลับแล้วครับ เห็นป้ายถ่ายรูปที่เป็นรูป คุก เลยนำความรู้มาฝากเพื่อนๆกันครับ
ได้เวลาเดินทางกลับแล้วครับ
ผมแสดงบัตร JR Pass แบบ 7 วันต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อแลกเป็นตั๋วรถไฟเดินทางกลับไปเมืองซับโปโร
ได้รอบเวลาบ่าย 2.17 น. ถึง เมืองซับโปโรเวลา 19.57 น. เป็นรถไฟ JR HOkkaido express เหมือนเดิมกับเมื่อวานนี้เลยครับ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงกว่าๆเลยครับ ตอนขามาเมื่อวานน็ก็เช่นกัน
ผมนั่งรถไฟจากเมืองอาซาฮิกาว่า มาที่อะบาชิริใช้เวลา 4 ชั่วโมงกว่าเลยครับ ถึงตอนดึกเลย
เนื่องจากเป็นทางรถไฟที่ผ่านด้วยหุบเขามากมาย การเดินทางเลยไม่ได้รวดเร็วเท่าในเมืองครับ